Review iPad Air (iPad 5) เตรียมวางจำหน่ายในไทย 15 พฤศจิกายนนี้
นอกจากจะวางจำหน่ายที่ iStudio by Uficon แล้ว ยังมีที่ร้าน U-Store และ iBeat ซึ่งเป็นร้านในเครือ UFicon นั่นเอง ส่วน ราคา iPad Air นั้น ยังไม่มีการประกาศราคาแต่อย่างใด แต่คาดว่า น่าจะไม่ต่างจาก iPad 4 ตอนเปิดตัว ที่ 16,500 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi 16GB ครับ
รีวิว iPad Air (iPad 5)
สำหรับ iPad Air หรือ iPad 5 รุ่นปี 2013 นี้ ถือว่า เป็นรุ่นที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะนอกจากจะออกแบบใหม่ บาง และ เบา กว่าเดิมแล้ว ในเรื่องของระบบประมวลผล ถือว่า แรงไม่แพ้ iPhone 5S (ไอโฟน 5s) เลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งในวันนี้ เว็บไซต์ techmoblog มีบทความ รีวิว iPad air (รีวิว ipad 5) มาให้อ่านกัน มาดูกันว่า iPad รุ่นไฮเอนด์ตัวนี้ มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง iPad air ก็ได้แก่ Wall charger, สาย Lightning USB cable สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ หรือเสียบกับ Wall charger เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และคู่มือการใช้งาน ซึ่ง iPad Air (iPad 5) จะไม่มีหูฟังมาให้ในกล่องนะครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้ จะต้องซื้อแยกต่างหาก
โดย iPad Air มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 9.7 นิ้ว แบบ LED-Backlit glossy widescreen Multi-Touch (Retina display) พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล (264 ppi) รองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน โดดเด่นตรงที่ ตัวเครื่องบางลง เหลือ 7.5 มิลลิเมตร (จากเดิม 9.4 มิลลิเมตร) นอกจากนี้ นัำหนักยังเบาลง เหลือแค่ปอนด์เดียวเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ทำการรีวิว เผยว่า ถึงแม้ iPad Air จะไม่ได้เบาเท่ากระดาษ แต่เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ถือว่า แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ
iPad Air มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A7 แบบ 64-bit ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Processor ความเร็ว 1.4GHz เร็วกว่า iPhone 5S เล็กน้อย (iPhone 5S ความเร็วในการประมวลผล อยู่ที่ 1.3GHz)
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อ และปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆ รอบๆ ตัวเครื่อง ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าครับ ไม่ว่าจะเป็น กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล, ปุ่ม Home ที่ยังไม่รองรับ Touch ID เหมือน iPhone 5S, ช่องหูฟัง, ปุ่มปรับเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านล่างตัวเครื่องนั้น ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมือนกับ iPad mini ซึ่งด้านซ้าย เป็นไมโครโฟน ส่วนด้านขวา เป็นลำโพง และพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lighting connector
ส่วนกล้องด้านหลัง มาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ไม่มีไฟแฟลช เหมือน iPad 4 ครับ
iPad Air : อินเทอร์เฟส และฟีเจอร์การใช้งาน
สำหรับ iPad Air (iPad 5) นั้น มาพร้อมกับ iOS 7 ตั้งแต่แกะกล่อง แน่นอนว่า ลูกเล่น และการใช้งานต่างๆ เหมือนกับ iPhone 5S, iPhone 5 รวมไปถึง iPhone และ iPad รุ่นที่รองรับ iOS 7 ซึ่ง iOS 7 นี้ ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีความเรียบง่ายขึ้น และได้เพิ่มฟีเจอร์การใช้งาน รวมไปถึง shortcut ต่างๆ ที่ทำให้ผู้ใช้สะดวกในด้านการใช้งานมากกว่าเดิม
ในส่วนของการปลดล็อคหน้าจอนั้น ยังคงเป็นแบบ slide to unlock เพื่อใส่รหัส passcode และแอพพลิเคชั่น ยังคงเป็น ไอคอนเรียงกัน หรือจะจัดกลุ่มให้อยู่ในโฟลเดอร์เดียวกันก็ได้
สำหรับอินเทอร์เฟสที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ก็คือ ส่วนของ multitasking ที่เปลี่ยนจากการ แตะไอคอนค้าง เพื่อลบแอพพลิเคชั่น เป็นการปัดขึ้นด้านบนแทน นอกจากนี้ ยังมีส่วนของ Notification center แจ้งเตือนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้ไม่ได้รับทราบ เช่น สายที่ไม่ได้รับ, ข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน หรือตารางนัดหมายต่างๆ นอกจากนี้ ยังมี Control Center เมนูลัดเข้าใช้งาน เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi, Bluetooth, ปรับความสว่างของหน้าจอ, เมนูฟังเพลง และอื่นๆ
Credit : techmoblog.com
0 ความคิดเห็น: